Construction Safety Series EP.2

เผยแพร่เมื่อ: 02/07/2563....,
เขียนโดย คุณชลาธิป อินทรมารุต, Meet the Professional : Construction Safety Series...,
HSSE Manager บริษัทเอกชน งานบริหารโครงการก่อสร้าง

 

"SAFETY MARKETING ทำการตลาดด้วยกิจกรรมความปลอดภัยเพื่อสร้างยอดธุรกิจและการเติบโตให้องค์กร"

 

กลับมาพบกันอีกครั้งตามที่ผมได้เกริ่นนำไว้ครั้งก่อน ในบทความเรื่องของการใช้หลัก Hierarchy Control เพื่อให้งานเสร็จไว ปลอดภัย และประหยัดเงินในกระเป๋าวันนี้ผมมีเคล็ดลับดีๆ ที่คุณไม่ควรพลาดในเรื่องของ #ทำSafetyให้เป็นMarketing เพื่อสร้างยอดธุรกิจและการเติบโตให้องค์กร มาฝากครับ (บอกก่อนนะครับว่าถ้าใครเลื่อนผ่านบทความนี้ คือ พลาดอย่างแรง!!!)



อันดับแรก ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การตลาด(Marketing) ก็คือการสร้างความพึงพอใจ (Like) และความต้องการ (Need) จากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค (ลูกค้า) ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบในงานของเรา ถ้าให้ จป. หรือผู้ที่ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยเป็นผู้ผลิต โดยผู้บริโภคหรือลูกค้า ก็คือผู้จัดการบริษัท หรือ เจ้าของโครงการก่อสร้าง รวมทั้งลูกค้าองค์กรต่างๆ ที่กำลังมองหาบริษัททึ่ปรึกษา หรือคู่ค้าที่น่าร่วมธุรกิจด้วย และเป็นที่มาของการสร้างผลกำไรและชื่อเสียงให้กับบริษัท ตลอดจนสร้างโอกาสของการเติบโตอย่างมั่นคงให้กับองค์กร

การทำ Safety (กิจกรรมความปลอดภัย) ไม่ใชทำแล้วจะมีแต่รายจ่ายเท่านั้นนะครับ ทำเป็น ทำให้ถูกวิธี สามารถสร้างผลกำไรกลับคืนมาให้องค์กรได้อย่างมหาศาลเลยนะครับ

ใช่แล้วครับ! ผมไม่ได้เขียนผิด คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างตลาด และผลักดันให้องค์กรของคุณก้าวหน้าได้ด้วยการทำงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่คุณถนัด แต่ต้องทำให้ถูกวิธีนะครับ (แหม่... อยากให้เจ้าของบริษัทฯ ได้มาอ่านบทความนี้จัง จะได้เข้าใจว่า จป. ไม่ได้มีประโยชน์แค่ทำตามที่กฏหมายบังคับ แต่ยังเป็นกลไกสำคัญที่องค์กร "ต้องมี" และวางในตำแหน่งที่ "เหมาะสม" ด้วยนะครับ

และสำหรับ จป. ที่ต้องการสร้างมูลค่า(Value) ให้ตัวเอง ขอให้เปิดใจ แล้วอ่านบทความนี้ให้จบแล้วอย่าไปเสียเวลาลองผิดลองถูกด้วยตัวเองอีกเลย เพราะเคล็ดลับนี้ ผมเขียนจากประสบการ์ณจริงของตัวเอง และสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับบริษัทคู่ค้า และบริษัทผู้รับเหมา ของผมหลายๆบริษัทที่ผมทำงาน และติดต่อประสานงานด้วย จึงได้มีโอกาสได้เห็น”ความผิดพลาด” ที่ทำให้บางบริษัทต้องล้มหายตายจาก เลิกทำธุรกิจ  และเทคนิคบางอย่าง ที่ทำให้บางบริษัทเติบโตอย่างมั่นคง และเป็นผู้นำในสายงานธุรกิจ

เอาล่ะครับ! ผมขอสรุปเป็นข้อๆ ที่ละประเด็นเพื่อให้เข้าใจง่าย และสะดวกต่อการเอาไปใช้จริงในองค์กรของท่าน ดังนี้ครับ
     1.ป้ายต้องขนาดใหญ่ และมองเห็นเด่นชัด เมื่อเราเดินเข้าไปในไซต์งานก่อสร้าง สิ่งแรกที่เราจะเห็นก็คือ “ป้าย” ซึ่งเรามักจะเห็นป้ายต่างๆมากมายและอาจไม่ได้เห็นถึงความสำคัญของมัน แต่เราทราบกันไหมครับว่าบริษัทที่เป็นผู้นำทางธุรกิจนั้นๆ จะให้ความสำคัญกับป้ายมากครับ ไม่เชื่อคุณลองไปเดินดูไซต์งานก่อสร้างของบริษัทดังๆ ที่เมื่อเอ่ยชื่อแล้วใครๆ ก็ต้องรู้จัก ให้คุณลองไปวัดขนาดป้ายชื่อบริษัท และตำแหน่งที่เขาติดป้ายชื่อบริษัทดูนะครับไม่ใช่แค่ป้ายชื่อบริษัท ป้ายความปลอดภัยก็สามารถโฆษณาให้เห็นถึงผลการปฏิบัติงาน ความมุ่งมั่นตั้งใจ และความน่าเชื่อถือได้ โดยผมแนะนำให้ทำป้าย โดยใช้หลักการ ดังนี้ครับ

               1.1) ป้ายชื่อ หรือโลโก้ของบริษัท ต้องเป็นป้ายที่ใหญ่ที่สุด ใหญ่กว่าป้ายอื่นๆ มองเห็นเด่นชัด และติดตั้งในตำแหน่งที่คนทั่วไปจะมองเห็นก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อให้คนทั่วไป (ซึ่งอาจเป็นลูกค้าในอนาคต)มองเห็นสะดุดตา จำติดใจ แล้วอยากใช้บริการจากเรา

               1.2) ป้ายโครงการ ป้ายสถิติอุบัติเหตุ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เรากำลังก่อสร่าง กำลังทำโครงการอะไร ทำนานแค่ไหน จะเสร็จเมื่อไร  ใครเป็นผู้ควบคุมงาน ใครเป็นผู้จัดการความปลอดภัย ใส่ลงไปให้หมดเพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และความพร้อมของทีมงาน

               1.3) ป้ายความปลอดภัย ป้ายเตือน ต่างๆ  ป้ายประเภทนี้ต้องทำและติดตั้งในจุดที่ถูกต้อง เหมาะสมกับกิจกรรมและความเสี่ยงในบริเวณนั้น นอกจากเป็นการเตือนสติสำหรับผู้ปฏิบัติงานแล้ว ยังทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกว่า เจ้าของบริษัทนี้เป็นคนดี ใส่ใจและให้ความสำคัญกับคนงาน มากกว่าคิดถึงผลกำไรจนไม่ใส่ใจในชีวิตและสุขภาพความปลอดภัยของคนงาน

     2. จัดหาชุดฟอร์มพนักงาน/เสื้อคนงาน และ PPE ให้เหมาะสมกับงาน ชุดพนักงาน เสื้อคนงาน (หรือเสื้อกั๊กสะท้อนแสง) หมวกนิรภัยต้องสะอาดและใช้สีสว่างเด่นชัด เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันอันตรายจากการถูกกระแทกโดยอุปกรณ์/เครื่องจักร และยานพาหนะในไซต์งานแล้ว ยังช่วยโฆษณาให้บริษัทไปในตัว ดังนั้นต้องไม่ลืมพิมพ์ชื่อบริษัทที่เสื้อ แล้วติดสติ๊กเก้อที่หมวกนิรภัย  เลือกขนาดให้เหมาะสมกับคนงานไม่ใหญ่ลุ่มล่ามเสี่ยงต่อการดึงของเครื่องจักรที่กำลังหมุนเคลื่อนที่  เพราะการแต่งกายที่สะอาด และเหมาะสมกับงาน จะทำให้คนทั่วไปมองเห็นความเป็นมืออาชีพ และความใส่ใจในการทำตามกฏระเบียบของทีมงานได้เป็นอย่างดีครับ

     3.การจัดกิจกกรรมความปลอดภัย และการให้รางวัล ต้องทำให้ยิ่งใหญ่ ประกาศให้โลกรู้ ถ้ามีใครสักคนทำผิด ฝ่าฝืนกฏ ผมแนะนำให้เรียกมาคุยเงียบๆ ในห้องส่วนตัว และไม่จำเป็นต้องประกาศชื่อ หรือลงรูปประจานเขา แต่ในทางกลับกัน ถ้ามีใครทำความดี เป็นแบบอย่างที่ดีด้านความปลอดภัยสมควรแก่การได้รับรางวัล จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้ดัง ประกาศให้รู้กันไปทั่ว เพราะนอกจากจะเป็นการยกย่องผู้ทำความดีให้รักษาพฤติกรรมนั้นไว้ ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ซึ่งรวมไปถึงการจัดกิจกรรมด้านความปลอดภัย  อย่าได้จัดเงียบๆ ในห้องเล็กๆ มีคนเข้าร่วมแค่ไม่กี่คน จัดทั้งทีต้องทำให้ยิ่งใหญ่ (งานใหญ่ งานเล็กใช้เวลาและพลังในการเตรียมงานเท่ากัน แล้วทำไมจึงจะเลือกจัดงานเล็กๆ ล่ะครับ)จัดให้รู้ไปทั่วทั้งภายใน ภายนอกบริษัท  ผลลัพท์ที่ได้ไม่ใช่แค่ในองค์กรเท่านั้น  ตัวอย่าง ถ้ามีการประมูลหรือพิจารณามอบหมายงาน ถ้าคุณเสนอราคาไปใกล้เคียงกับคู่แข่ง ใครๆ ก็อยากเลือกทำงานกับบริษัทที่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมด้านความปลอดภัย และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นจิตสำนึกความปลอดภัย และลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่การทำงาน คุณจะมีโอกาสในการได้งาน และชนะการประมูลงานมากกว่า บริษัทที่ไม่เห็นความสำคัญของการจัดกิจกรรมด้านความปลอดภัยใดๆ

     4. จัดทำโปสเตอร์ หรือวารสารความปลอดภัย หลายครั้งที่คนทั่วไปมักไม่จดจำความสำเร็จ และสิ่งที่เราเคยทำในอดีตที่ผ่านมา ดังนั้น การเน้นย้ำความสำเร็จของผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัย เป็นสิ่งที่ควรมี โดยสรุปเป็นแต่ล่ะ ไตรมาศ (ทุก 3 เดือน) แล้วรวบรวมเขียนสรุปความสำเร็จของงาน พร้อมรูปภาพสวยๆประกอบ รวมทั้งค่าทางสถิติต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จก็ควรมี หรือจะสอดแทรกด้วยเกร็ดความรู้ต่างๆด้านสุขภาพและความปลอดภัย และสาส์นจากผู้บริหาร จะยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้บริหาร  หน่วยงาน และผู้ปฏิบัติงานอย่างแท้จริงในความร่วมมือที่จะตั้งเป้าหมาย และประสบความสำเร็จในงานความปลอดภัยร่วมกัน  อีกทั้งยังสามารถส่งต่อวารสารฉบับนี้ ให้ลูกค้า หรือคู่ค้าของบริษัท เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ และความมั่นใจในบริษัทได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ถ้าไม่รีบทำตอนนี้ จะไปทำตอนไหนครับ

     5. การจัดเตรียมระบบบริหารงานความปลอดภัยและแผนฉุกเฉินเมื่อเกิดภาวะวิกฤต ในยุคสมัยนี้ องค์กรใดที่มีการวางแผน มีการจัดวางระบบ และเตรียมความพร้อมที่ดีด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัย จะเป็นผู้นำ และมีความได้เปรียบทางธุรกิจ (ไม่เชื่อลองสังเกตุผลของโควิด-19 สิครับ ในธุรกิจประเภทเดียวกัน ทำไมบางบริษัทล้มหายตายจากกันไป แต่ทำไมบางบริษัทยังยืนหยัดอยู่ได้ เขามีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง

คำตอบก็คือ บริษัทไหน หรือองค์กรใดก็ตาม ที่มีแผนฉุกเฉิน (Emergency plan) และมีการจัดทำแผนต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan หรือ BCP)ที่ดีจะช่วยลดผลกระทบเมื่อเกิดภาวะวิกฤต หรือเหตุการ์ณฉุกเฉินอย่างเช่น โรคระบาดอัคคีภัย วินาศกรรม สิ่งคุกคาม หรือภัยภิบัติทางธรรมชาติต่างๆ นอกจากนั้น ยังช่วยสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้าอยากจะว่าจ้าง อยากจะใช้บริการ หรือร่วมธุรกิจด้วย เนื่องจากความเชื่อมั่นว่าองค์กรที่มีการวางแผนและวางระบบด้านอาชีวอนามัยฯที่ดี จะไม่ทำให้ธุรกิจของคู่ค้าต้องหยุดชะงักและลดความเสี่ยงต่อความเสียหาย เมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรที่ไม่มีการวางแผนฉุกเฉิน แผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ หรือไม่มีระบบด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัยที่ดีพอ

     6. การส่งตัวแทนเข้าร่วมกิจกรรมด้านความปลอดภัยฯ ภายนอกบริษัท การเข้าร่วมประชุมกลุ่ม  เข้าร่วมสมาคมผู้รับเหมา หรือกลุ่มย่อยด้านความปลอดภัย ไม่ได้ส่งผลถึงการแข่งขันทางธุรกิจ แต่จะช่วยให้เกิดการประชาสัมพันธ์ให้คนอื่นๆ รู้จักบริษัทของเรา และเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิคประสบการณ์ แล้วนำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรของตังเอง แต่ทั้งนี้สมาคมหรือกลุ่มย่อยนี้จำเป็นที่จะต้องมีเป้าหมาย และทีมบริหารงานที่ชัดเจนเพื่อประโยชน์ของสมาชิก

ในการเข้าร่วมกลุ่ม ควรมีวาระของการแชร์ (แบ่งปัน) ความรู้ สิ่งดีๆ และนวัตกรรมต่างๆ ที่ช่วยให้ลดเวลาในการทำงานลดความเสี่ยง หรือเพิ่มความสะดวก เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น  ไม่มีบริษัทใหญ่ๆ ที่เติบโตได้งานเยอะๆ โดยที่ไม่เคนเข้าร่วมกลุ่ม เข้าร่วมประชุม เข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัทอื่นๆนะครับ อย่าลืมว่าความรู้ (Knowledge) สามารถหาได้จากในตำรา แต่ความสัมพันธ์ (Connection) จำเป็นต้องสร้างด้วยการพบปะผู้คน ครับ

 

เอาล่ะครับ หวังว่า 6 แนวทางที่ผมแนะนำมานี้ จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานของคุณ ไม่ใช่แค่ทำตามกฏหมาย แต่คุณจะช่วยสร้างโอกาสให้เกิดยอดธุรกิจ และลูกค้าใหม่ๆ เพื่อความมั่นคงและการเติบโตสำหรับองค์กร เชื่อผมเถอะครับถ้าคุณอ่านถึงตรงนี้ ศักยภาพในตัวคุณคุณเป็นได้มากกว่า จป. แต่คุณสามารถเป็นบุคคลที่สำคัญ และมีอิทธิพลต่อความก้าวหน้าขององค์กรของคุณได้อย่างแน่นอน ถ้าคุณใช้เทคนิคบนแนวคิดที่ถูกต้อง 

 

Visitors: 370,545