เทคนิคการ Morning Talk ด้วยวิธี 4M1E

เผยแพร่เมื่อ 19/09/2564...,
เขียนโดย คุณบุณณ์ฤทธิ์ ทิพย์มูสิก
 
              SAFETY OFFICER
               บริษัท คินเดน (ประเทศไทย) จำกัด...,

 

เรื่อง เทคนิคการ Morning Talk ด้วยวิธี 4M1E

          Morning Talk เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งในการทำงานร่วมกับบุคคลอื่น จำนวนมากๆ เพราะหากขาดการสื่อสารที่ดี ย่อมทำให้งานเกิดปัญหา อุปสรรคต่างๆ รวมไปถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุตามมา อย่างไรก็ตามเรื่องของการสื่อสารกลับเป็นสิ่งที่ จป.วิชาชีพหลายๆท่านประสบปัญหา เนื่องจากไม่รู้จะพูดอะไร พูดไม่ตรงประเด็น ที่ว่าไม่ปลอดภัยไม่ปลอดภัยอย่างไร สื่อสารออกไปผู้รับเหมาเข้าใจหรือไม่ ก็เลยอยากจะแชร์เทคนิค 4M1E เพื่อไปใช้ในการสื่อสาร Morning Talk กับพนักงานและยังสามารถใช้เทคนิคนี้ในการเดินตรวจหน้างานได้อีกด้วย เผื่อจะเป็นประโยชน์กับ จป.วิชาชีพทุกๆท่าน

          โดยเทคนิค 4M1E แบ่งกลุ่มปัญหาออกเป็น 5 กลุ่ม ที่ต้องพิจารณาดังต่อไปนี้
                    1. 
Man = พนักงาน , ผู้รับเหมา
                    2. 
Machine = เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องมือต่างๆ
                    
3. Meterial = วัตถุดิบ เช่น เหล็ก ไม้ กระดาษ สารเคมี ก๊าซไวไฟต่างๆ
                    
4. Method = ขั้นตอนวิธีการทำงาน
                    
5. Environment = สิ่งแวดล้อมที่จะกระทบต่อชุมชนและผู้ปฎิบัติงาน

          ผมจะขออธิบายความหมายของแต่ละตัวว่าต้องดูอะไรบ้าง โดยมาเริ่มที่อักษรตัวแรก คือ
                    
1. M. Man คือ ตัวผู้ปฎิบัติงาน
                              o
 การแต่งกายเสื้อผ้าต้องรัดกุม เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว(ต้องไม่ขาด) การสวมใส่อุปกรณ์ PPE ขั้นพื้นฐาน หมวกนิรภัย เสื้อสะท้อนแสง รองเท้านิรภัย ส่วนอุปกรณ์ PPE อื่นๆ เราก็ดูตามลักษณะงานว่าต้องใช้อุปกรณ์อะไรเพิ่มอีกไหม เช่น ทำงานขอบอาคารก็ต้องใส่เข็มขัดนิรภัย(Full Body Harness) เป็นต้น
                              o
 สุขภาพร่างกายของพนักงานพร้อมที่จะทำงานหรือเปล่า พนักงานอาจจะมีปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว การเงิน ทะเลาะกับหัวหน้างาน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยนำไปสู่อุบัติเหตุได้หรือมีโรคประจำตัวที่เป็นโรคต้องห้ามทำงานบางประเภท เช่น โรคหัวใจ ความดันสูง ลมชัก ซึ่งเราสามารถเช็คได้จากการพูดคุยสอบถาม การสังเกตุ และการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน
                              o 
มีความรู้หรือประสบการณ์ในลักษณะงานที่ทำ และต้องผ่านการอบรมตามที่กฎหมายกำหนด เช่น งานไฟฟ้า งานที่อับอากาศ งานผู้ให้สัญญาณเครน ฯลฯ เป็นต้น

                    2. M. Machine คือ เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องมือต่างๆ
                              o เครื่องจักรหนัก เช่น Tower Crane Mobile Crane รถแมคโคร ฯลฯ ต้องมีการตรวจสอบตามที่กฎหมายกำหนดไว้และต้องมีวิศวกรเซ็นต์รับรอง และตัวเครื่องจักรเราต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนการใช้งาน
                              o 
อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สว่าน เครื่องตัด หินเจียร ปลั๊กพ่วง ต้องตรวจสอบประจำเดือนและก่อนการใช้งาน เช่น ตรวจสอบสายไฟฉนวนไม่ชำรุด ไม่มีรอยการขาดของสายไฟ จุดต่อสายไฟต้องแน่น เต้ารับ-เต้าเสียบต้องแน่น ไม่แตกร้าว ไม่มีรอยไหม้ ต้องมีสายดิน(ยกเว้นอุปกรณ์ที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภท 2) อุปกรณ์ที่เป็นแหล่งจ่ายไฟชั่วคราวต้องมี ELCB อุปกรณ์หินเจียร เครื่องตัด ห้ามถอดการ์ดป้องกันโดยเด็ดขาด และต้องใช้ใบให้ถูกกับประเภทของงานและห้ามใช้ใบตัดที่มีรอบการทำงานน้อยกว่าตัวเครื่องโดยเด็ดขาด
                              o 
เครื่องมือต่างๆ เช่น ค้อน ไขควง เลื่อย ถ้ามีการทำงานบนที่สูง ต้องผูกอุปกรณ์ชิ้นนั้นไว้ด้วยเชือกที่ข้อมือด้วย เพื่อป้องกันอุปกรณ์หลุดมือ ร่วงหล่นลงมาโดนพนักงานด้านล่าง

                    3. M. Material คือ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการทำงาน
                              o 
 เราต้องแยกประเภทวัสดุ ว่าเรามีวัสดุอุปกรณ์อะไรบ้าง วัสดุชิ้นไหนมีอันตราย วัสดุชิ้นไหนโดนน้ำแล้วเสียหาย วัสดุชิ้นไหนเสี่ยงต่อการสูญหาย ก็ต้องมีการระมัดวังเป็นพิเศษ เป็นต้น
                              o
 เมื่อเราแยกประเภทวัสดุ เราก็ต้องมาดูเรื่องวิธีการจัดเก็บ เช่น สารเคมีไวไฟ ต้องเก็บในพื้นที่ปิดซึ่งสามารถเข้าไปได้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง พ้อมกับติดตั้งอุปกรณ์เซฟตี้ เมือเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินสารเคมีรั่วไหล ได้แก่ ถังดับเพลิง ถังทราย อ่างล้างหน้าล้างมือฉุกเฉิน เป็นต้น
                              o
 ต้องจัดให้มีทางเดินที่สะดวกในการเคลื่อนย้ายวัสดุแต่ละชนิด และต้องจัดระเบียบวัสดุให้เรียบร้อย ไม่มีของวางขวางเกะกะทางเดิน ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

                    4. M. Method คือ การจัดทำขั้นตอนการทำงาน เพื่อที่จะได้นำขั้นตอนการทำงานนั้นมาวิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่มาตราการในการควบคุมป้องกันอันตราย ที่จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและสุขอนามัยของผู้ปฏิบัติงาน

                    5. E. Environment คือ สิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแสงสว่าง เสียง ความร้อน ฝุ่น สภาพพื้นที่การทำงาน ต้องไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน และสุดท้ายต้องไม่กระทบกับชุมชนโดยรอบบริเวณโดยรอบและสถานที่ใกล้เคียงบริเวณก่อสร้าง เป็นต้น

Visitors: 367,518