คุณสมบัติของพนักงานขนส่ง ช่วยลดอุบัติเหตุได้อย่างไร

เผยแพร่เมื่อ 1/11/2566
เขียนโดย คุณวีริศ จิรไชยภาส

คุณสมบัติของพนักงานขนส่ง ช่วยลดอุบัติเหตุได้อย่างไร

          จากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม พบว่า สาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากการทำงานในปี 2565 เกิดจากอุบัติเหตุจากยานพาหนะ ซึ่งให้มีผู้เสียชีวิตถึง 223 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกเกือบ 2,300 คน ซึ่งเป็นเพียงตัวเลขบางส่วนที่ถูกรายงานเข้ามาในระบบ ซึ่งแน่นอนว่ายังมีอีกผู้เสียชีวิตอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ถูกรายงาน และแน่นอนว่าส่วนหนึ่งนั้นมาจากอุบัติเหตุจากการเดินทางและการขนส่งสินค้าของแต่ละบริษัทนั่นเอง  

          ดังนั้นในมาตรฐานความปลอดภัยของการขนส่งสินค้า จึงให้ความสำคัญกับการกำหนดคุณสมบัติและคุณลักษณะขั้นพื้นฐานของผู้ที่จะมาเป็นพนักงานขับรถขนส่งของบริษัทอย่างมาก ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติหรือคุณลักษณะต่างๆเหล่านี้ นอกจากจะช่วยในการลดการเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งลงแล้ว ยังช่วยเพิ่มคุณภาพในการทำงานและเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรได้อย่างไม่น่าเชื่อ และแน่นอนว่าแต่ละคุณสมบัตินั้น มีเหตุผลและมีที่มาที่ไปที่ผู้เขียนอยากขอ share practice หรือเล่าสู่กันฟัง ดังต่อไปนี้ 

คุณสมบัติและคุณลักษณะขั้นพื้นฐานของพนักงานขับรถขนส่ง

          สำหรับประเด็นการตรวจสุขภาพของพนักงานขนส่ง ถือเป็นประเด็นและมีส่วนสำคัญ ในการลดความเสี่ยงและลดการเกิดอุบัติเหตุลงได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนและรายการตรวจสุขภาพของพนักงานขับรถ ประกอบไปด้วย  
               1. ให้ดำเนินการคัดกรองประวัติการเจ็บป่วยในขั้นตอนการสัมภาษณ์งาน โดยจะต้องเป็นผู้ไม่เป็นโรคประจำตัวอันอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ และโรคติดต่อที่น่ารังเกียจ ตามมาตรา 46 (4), (5), (6) และมาตรา 49 (6), (7) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และหลักเกณฑ์การตรวจสุขภาพเพื่อออกใบรับรองแพทย์สำหรับผู้ขอรับและต่ออายุใบอนุญาตขับรถ กรมการขนส่งทางบก จำนวน 10 โรค ดังต่อไปนี้
                    
1) โรคเรื้อน
                    
2) วัณโรคระยะอันตราย
                    
3) โรคเท้าช้าง
                    
4) ติดยาเสพติดร้ายแรง
                    
5) พิษสุราเรื้อรัง
                    
6) โรคจิตประสาท
                    
7) โรคลมชักที่ควบคุมอาการไม่ได้
                    
8) ได้รับผ่าตัดทางสมอง
                    
9) โรคเบาหวานที่รักษาด้วยยาฉีดอินซูลิน
                    
10) โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือผ่านการผ่าตัดหัวใจหรือขยายเส้นเลือดหัวใจ

               2. ต้องจัดให้มีการตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองโรคประจำตัว อันอาจจะเป็นอันตรายในขณะขับรถ และโรคติดต่อที่น่ารังเกียจ ตามข้อ 1 โดยตรวจสุขภาพตามรายการดังต่อไปนี้
                    
1) ตรวจร่างกายโดยแพทย์
                    
2) เอ๊กเรย์ปอด
                    
3) ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
                    
4) ตรวจระดับไขมันในเลือด
                    
5) ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
                    
6) ตรวจสมรรถภาพการทำงานของตับ
                    
7) ตรวจสมรรถภาพการทำงานของไต
                    
8) ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ
                    
9) ตรวจสารเสพติดในปัสสาวะ
                    
10) ตรวจสมรรถภาพการได้ยิน
                    
11) ตรวจสมรรถภาพการมองเห็น
                    
12) ตรวจสมรรถภาพการทำงานของปอด

               3. จัดให้แพทย์ทำการประเมินความพร้อมในการปฏิบัติงานสำหรับงานขับรถ พร้อมซักประวัติสุขภาพและพิจารณาผลการตรวจสุขภาพตามรายการข้อ 2 เพื่อคัดกรองโรคที่ระบุไว้ในข้อ 1. รวมทั้งการซักประวัติสุขภาพเพิ่มเติมเพื่อคัดกรองโรคกลุ่มเสี่ยงที่กำหนดโดยหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาตสำหรับยานพาหนะและผู้ขับขี่ ประเทศสหราชอาณาจักร (Driver and Vehicle Licensing Agency, U.K.) และกรมการขนส่ง ประเทศสหรัฐอเมริกา (Department of Transportation, U.S.) จำนวน 7 โรคดังนี้
                    
1) โรคหัวใจและหลอดเลือด
                    
2) การมองเห็นและได้ยิน
                    
3) โรคพาร์กินสัน
                    
4) โรคประสาทและสมอง
                    
5) การกินยากดประสาท ง่วงซึม
                    
6) โรคกระดูกและกล้ามเนื้อ
                    
7) โรคความดันโลหิตสูง

               4. ให้แพทย์พิจารณาลงความเห็นการประเมินความพร้อมในการปฏิบัติงานสำหรับงานขับรถ ว่าสามารถปฏิบัติงานขับรถได้หรือไม่ ก่อนรับเข้ามาทำงานเป็นพนักงานขนส่ง  และ

               5. จัดให้มีการตรวจสุขภาพโดยแพทย์ เพื่อประเมินความพร้อมในการปฏิบัติงานสำหรับงานขับรถอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

          ข้างต้นทั้งหมดนี้ คือคุณสมบัติและคุณลักษณะของพนักงานขนส่งที่ถือเป็นมาตรฐานขั้นพื้นฐานที่บริษัทขนส่งควรมีการกำหนดและควบคุมให้ได้ หลายคนอาจจะมองว่ากำหนดคุณสมบัติมากขนาดนี้ หรือลงทุนให้ความรู้ หรือการอบรมขนาดนี้ มันจะคุ้มค่าหรือ ผมบอกได้คำเดียวกับค่าปิดคดี ค่ารถบรรทุกที่เสียหาย ค่าเสียโอกาสและค่าเสียเวลา เมื่อเกิดอุบัติเหตุของรถบรรทุกแค่คันเดียว ก็จ่ายมากกว่าค่าตรวจร่างกายของพนักงานขับรถบรรทุกของบริษัททั้งหมดแล้ว เชื่อเถอะครับ มันคุ้มค่าที่จะลงทุนจริงๆ     

Visitors: 370,772