การยศาสตร์ (Ergonomics) หรือปัจจัยมนุษย์วิศวกรรม (Human Factors Engineering)

เผยแพร่เมื่อ:  03/01/2563....,

เขียนโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์พรนิภา บริบูรณ์สุขศรี, รองผู้อำนวยการสำนักวิจัย
               อาจารย์สาขาวิชาวิศวกรรมความปลอดภัยมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์
...,

 

การยศาสตร์ (Ergonomics) หรือปัจจัยมนุษย์วิศวกรรม (Human Factors Engineering) หมายถึง การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อมในสภาวะการทำงานต่างๆ โดยการประยุกต์หลักการทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพของมนุษย์มาประสานเข้ากับองค์ความรู้ทางด้านวิศวกรรมและกลศาสตร์เพื่อนำมาออกแบบและจัดสภาพการปฏิบัติงานให้เกิดความเหมาะสมกับความสามารถและข้อจำกัดของร่างกายผู้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ดีไม่เกิดความเมื่อยล้าและลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุและโรคจากการทำงานลงนั่นเอง

 

 ความสำคัญของการยศาสตร์

การทำงานในสถานประกอบการและโรงงานอุตสาหกรรมโดยทั่วไปผู้ปฏิบัติงานย่อมมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสกับสิ่งคุกคามสุขภาพในสิ่งแวดล้อมการทำงานได้หลายประเภท หนึ่งในนั้นคือสิ่งคุกคามด้านการยศาสตร์ซึ่งเกิดขึ้นจากความไม่สอดคล้องกันระหว่างตัวผู้ปฏิบัติงานและสภาพแวดล้อมในการทำงานเช่นลักษณะของเครื่องจักรและเครื่องมือเครื่องใช้ที่ถูกออกแบบมาไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคนไทย การจัดพื้นที่ปฏิบัติงาน (Workstation) ที่ไม่สอดคล้องกับความแตกต่างและข้อจำกัดของมนุษย์ตลอดจนท่าทางการทำงานที่ฝืนธรรมชาติ เป็นต้น การที่ผู้ปฏิบัติงานต้องสัมผัสกับสิ่งคุกคามดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติงานได้โดยสามารถแบ่งเป็น 2 ลักษณะประกอบด้วย

  1. ผลกระทบต่อผู้ปฏิบัติงานเช่นความเมื่อยล้าความเครียดจากการทำงานซึ่งจะส่งผลให้ลดประสิทธิภาพและความสามารถของร่างกายรวมทั้งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพบั้นปลายชีวิตของผู้ปฏิบัติงานได้
  2. ผลกระทบต่อปริมาณและคุณภาพของงาน เมื่อความตั้งใจและสมาธิในการทำงานลดลงขณะเดียวกันความเมื่อยล้าและความเครียดที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความเบื่อหน่ายต่องานที่ทำความผิดพลาดในการทำงานจะเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ปริมาณและคุณภาพของงานลดลง 

สถานประกอบการและอุตสาหกรรมการผลิตทั่วไปได้มีการใช้เครื่องจักรกลหลายประเภทในกระบวนการผลิต ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปรับสภาพองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ผู้ปฏิบัติงาน วัสดุ และระยะเวลาให้เกิดความเหมาะสมกับลักษณะการทำงานของเครื่องจักร สภาวะที่เกิดขึ้นนี้จะเห็นได้ชัดว่าเป็นการพยายามปรับคนให้เข้ากับงานที่ทำ (Fitting the man to the job) ซึ่งผู้ที่อยู่ในสภาวะนี้จะอยู่ในลักษณะของการจำยอมที่ต้องคล้อยตามระบบ ทั้งนี้เพราะงานหรือเครื่องจักรกลต่าง ๆ ดังกล่าวได้มีการออกแบบและสร้างขึ้นมาใช้ในอุตสาหกรรมอยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่จะออกแบบขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับปัจจัยและกลไกหรือกระบวนการผลิตต่าง ๆ แต่มิได้คำนึงถึงความสะดวกสบายของคนที่ทำงานและผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นนักซึ่งจะส่งผลให้สถานประกอบการมีความเสี่ยงที่จะประสบกับปัญหาดังต่อไปนี้

  1.  ปริมาณและคุณภาพของผลผลิตลดลง
  2. อัตราเกิดความผิดพลาดหรืออุบัติเหตุสูงหรือเพิ่มขึ้น
  3. อัตราการหยุดงานสูงหรือเพิ่มขึ้น
  4. อัตราการลาออกของผู้ปฏิบัติงานสูงหรือเพิ่มขึ้น
  5. การสูญเสียด้านเวลามีมากหรือเพิ่มขึ้น
  6. ค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาลมีมากหรือเพิ่มขึ้น
  7. ผู้ปฏิบัติงานมีความเครียดความเมื่อยล้าที่อาจนำไปสู่การเป็นโรคอันเนื่องมาจากการทำงาน

ดังนั้นการนำเอาแนวปฏิบัติของการยศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสมคือการปรับงานให้เหมาะสมกับคนงาน “Fitting the job to the worker” ซึ่งหากมีการปฏิบัติได้จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความสะดวกสบายและยังช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุการบาดเจ็บและการร้องเรียนของผู้ปฏิบัติงานได้ซึ่งท้ายที่สุดจะเป็นการเพิ่มผลผลิตทั้งด้านปริมาณและคุณภาพตามมา

 

 ตัวอย่างที่ใช้หลักการด้านการยศาสตร์มาใช้งานจริง ได้แก่ 

          (1) การศึกษาวิจัยเรื่อง “การออกแบบเก้าอี้กึ่งนั่งกึ่งยืนเพื่อลดความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อของพนักงานที่ยืนปฏิบัติงานเป็นเวลานาน : กรณีศึกษาโรงงานผลิตอาหารทะเล” โดยยึดหลักด้านการยศาสตร์และการวัดขนาดสัดส่วนร่างกายมาเป็นเกณฑ์ในการออกแบบซึ่งเก้าอี้ที่ออกแบบปรับปรุงใหม่สามารถลดความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อและช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการทำงานได้เป็นอย่างดี

           (2) การศึกษาวิจัยเรื่อง “การลดภาวะเมื่อยล้ากล้ามเนื้อจากการทำงานด้วยวิธีกายบริหารสุขภาพ : กรณีศึกษาพนักงานฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง” พบว่าหลังจากที่พนักงานได้ฝึกกายบริหารสุขภาพหลังเลิกงานแล้วพนักงานมีความรู้สึกเมื่อยล้าร่างกายทั่วไปและความรู้สึกเมื่อยล้ากล้ามเนื้อเฉพาะที่ลดลง

           นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยด้านการยศาสตร์ที่สามารถบูรณาการให้เข้ากับภาคอุตสาหกรรมที่พบบ่อยในสถานีงานเชื่อมชิ้นงานซึ่งพนักงานมักจะได้รับสัมผัสสิ่งคุกคามสุขภาพจากการทำงาน โดยเฉพาะฟูมโลหะจากการเชื่อม ดังนั้นการออกแบบสถานีงานเชื่อมโดยยึดหลักการยศาสตร์และการใช้องค์ความรู้ทางด้านวิศวกรรมการออกแบบระบบระบายอากาศเข้ามาประยุกต์ใช้จริงเป็นสิ่งสำคัญ

           (3) การศึกษาวิจัยเรื่อง “การปรับปรุงสถานีงานเชื่อมไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยในการทำงานสำหรับการฝึกทักษะปฏิบัติทางวิศวกรรมของมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์” การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงสถานีงานเชื่อมไฟฟ้า โดยยึดหลักการด้านวิศวกรรมมนุษยปัจจัยและการระบายอากาศแบบเฉพาะที่เพื่อลดความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อขณะเชื่อมชิ้นงานและลดการสัมผัสสารปนเปื้อนที่เกิดจากการเชื่อมซึ่งพบว่าสถานีงานเชื่อมเดิมมีปัญหาความเมื่อยล้าและการระบายอากาศ ดังนั้นจึงได้ทำการปรับปรุงสถานีงานเชื่อมใหม่ให้ถูกหลักการยศาสตร์ โดยอ้างอิงตามการวัดขนาดสัดส่วนร่างกายที่สำคัญและสร้างฮูดพร้อมท่อทางออกชนิด Slot Hood มีปีกแบบเทปเปอร์ขนาดพื้นที่หน้าตัด 730 ตร.ซม. พื้นที่สล๊อต 175 ตร.ซม. เพื่อดูดจับมลพิษและทดสอบประสิทธิภาพของฮูดดูดอากาศผลการศึกษาพบว่าขณะปฏิบัติงานบนสถานีงานเชื่อมไฟฟ้าที่ปรับปรุงใหม่มีความรู้สึกเมื่อยล้าร่างกายทั่วไปน้อยกว่าปฏิบัติงานบนสถานีงานเชื่อมไฟฟ้าเดิมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( p < 0.05 ) และผลการวิเคราะห์สารปนเปื้อนพบว่าสถานีงานเชื่อมที่ปรับปรุงใหม่มีความเข้มข้นของสารเคมีน้อยกว่าสถานีงานเดิมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( p < 0.05 ) เช่นกัน

          

 รูปที่ 1 สถานีงานเชื่อมไฟฟ้าแบบดั้งเดิมและสถานีงานเชื่อมไฟฟ้าที่ปรับปรุงใหม่ตามหลักการยศาสตร์

       

  จุดมุ่งหมายของการยศาสตร์

การประยุกต์ใช้การยศาสตร์ในสถานที่ปฏิบัติงานมีจุดมุ่งหมายหลักที่สำคัญ 3 ประการคือ

  1. ความสะดวกสบาย (Comfortable)
  2. ความปลอดภัย (Safety)
  3. ความมีประสิทธิภาพ (Efficiency)

  

โดยสิ่งประสงค์ที่จะให้เพิ่มขึ้น (Increased) ได้แก่ สุขภาพอนามัย (Health) ประสิทธิภาพ (Efficiency) ประสิทธิผล (Effectiveness) ปริมาณงาน (Quantity) คุณภาพ (Quality) คุณภาพชีวิต (Quality of life) และสิ่งที่ประสงค์ให้ลดลง (Decreased) ได้แก่ความไม่สะดวกสบาย (Uncomfortable) ความเครียด (Stress) ความเมื่อยล้า (Fatigue) ความผิดพลาด (Error) การสูญเสียเวลา-วัสดุ-ค่าใช้จ่ายการเกิดอุบัติเหตุ (Accident) โรคจากการทำงานการหยุดงานและการลาออกเป็นต้น

Visitors: 366,443